การตรวจสารเสพติดเป็นกระบวนการที่สำคัญในการคัดกรองการใช้สารเสพติด อย่างไรก็ตาม ผลตรวจอาจ ผิดพลาด ได้จากหลายปัจจัย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิด ผลบวกลวง (False Positive) หรือ ผลลบลวง (False Negative) ทำให้การวินิจฉัยไม่แม่นยำ
ปัจจัยที่ทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อน
1. ผลจากยาและอาหารบางชนิด ยาหรืออาหารเสริมบางประเภทอาจทำให้เกิด ผลบวกลวง ได้ เช่น
- ยาแก้ปวด (NSAIDs) เช่น Ibuprofen, Naproxen อาจทำให้ผลตรวจ แอมเฟตามีน หรือกัญชา เป็นบวก
- ยาแก้ไอ/ยาแก้แพ้ ที่มี Dextromethorphan หรือ Pseudoephedrine อาจทำให้ผลตรวจ แอมเฟตามีน หรือโอปิออยด์ ผิดพลาด
- อาหารเสริมที่มี CBD อาจมี THC ตกค้างและทำให้ผลตรวจเป็นบวก
- อาหารบางชนิด เช่น เมล็ดงาดำ อาจส่งผลให้ตรวจพบมอร์ฟีน
2. ระยะเวลาหลังใช้สารเสพติด แต่ละสารเสพติดมีช่วงเวลาที่สามารถตรวจพบได้ต่างกัน ถ้าตรวจช้าเกินไป อาจเกิด ผลลบลวง ได้ เช่น
- กระท่อม (Mitragynine) : อยู่ในปัสสาวะ 1-3 วัน
- แอมเฟตามีน : อยู่ในปัสสาวะ 1-4 วัน
- กัญชา : อาจอยู่ในปัสสาวะ 7-30 วัน (ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้)
- เฮโรอีน : อยู่ในปัสสาวะ 1-3 วัน
3. คุณภาพและความแม่นยำของชุดตรวจ ชุดตรวจที่ไม่ได้มาตรฐานหรือหมดอายุ อาจให้ผลผิดพลาด
ชุดตรวจบางรุ่นมี ความไว (Sensitivity) และ ความจำเพาะ (Specificity) แตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดผลบวกลวงหรือลบลวงได้
4. ความเข้มข้นของปัสสาวะ
- หากดื่มน้ำมากเกินไป อาจทำให้สารในปัสสาวะเจือจางจนตรวจไม่พบ (ผลลบลวง)
- ถ้าขาดน้ำ ปัสสาวะเข้มข้น อาจทำให้ชุดตรวจมีความไวต่อสารเสพติดมากขึ้นจนเกิด ผลบวกลวง
5. ข้อผิดพลาดจากการอ่านผลตรวจ
- หากอ่านผลตรวจเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาด
- ควรอ่านผลภายในเวลาที่กำหนดในคู่มือของชุดตรวจ
วิธีลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด
- ใช้ชุดตรวจที่ได้มาตรฐานและยังไม่หมดอายุ
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมที่อาจมีผลต่อผลตรวจ
- ตรวจสอบช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจสารแต่ละชนิด
- ปฏิบัติตามขั้นตอนการเก็บตัวอย่างอย่างถูกต้อง
หากต้องการซื้อที่ตรวจสารเสพติด บริษัท แม็กดีซีน จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจำหน่าย ชุดตรวจสารเสพติด ในปัสสาวะที่มีคุณภาพและมีใบรับรองผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ FSC , ISO 13485 และ TÜV Rheinland ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ท่านที่สนใจสามารถคลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ติดต่อสอบถาม
เพิ่มได้ทันที