ทำไมบางคนตรวจสารเสพติดไม่พบ ทั้งที่ใช้ยาเสพติด?

การตรวจหาสารเสพติดเป็นกระบวนการที่ใช้วิเคราะห์ตัวอย่าง เช่น ปัสสาวะ เลือด น้ำลาย เส้นผม หรือเหงื่อ เพื่อระบุว่ามีสารเสพติดตกค้างอยู่หรือไม่

แชร์บทความนี้

การตรวจหาสารเสพติดเป็นกระบวนการที่ใช้วิเคราะห์ตัวอย่าง เช่น ปัสสาวะ เลือด น้ำลาย เส้นผม หรือเหงื่อ เพื่อระบุว่ามีสารเสพติดตกค้างอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีผู้ที่ใช้ยาเสพติดอาจได้รับผลตรวจเป็น “ลบ” (Negative) ทั้งที่เคยใช้จริง ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย

ยาเสพติด

ช่วงเวลาที่สารเสพติดอยู่ในร่างกาย (Detection Window)

สารเสพติดแต่ละชนิดมีระยะเวลาที่สามารถตรวจพบได้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทของสารเสพติด ปริมาณที่ใช้ ความถี่ในการใช้ และสภาพร่างกายของผู้ใช้

ตัวอย่างระยะเวลาการตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะ

สารเสพติดตรวจพบได้ในปัสสาวะนานเท่าไร?
แอมเฟตามีน (AMP)1-3 วัน
เมทแอมเฟตามีน (MET)1-4 วัน (อาจนานถึง 7 วันในผู้ใช้เรื้อรัง)
กัญชา (THC)1-3 วัน (อาจนาน 30+ วันในผู้ใช้ประจำ)
โคเคน (COC)2-4 วัน
เฮโรอีน / มอร์ฟีน (OPI)1-3 วัน
ยากลุ่มเบนโซไดอะซีพีน (BZO)2-7 วัน
ยาอี (MDMA)1-3 วัน

ทำไมบางคนตรวจไม่พบ?

  • หากทำการตรวจหลังจากที่สารเสพติดถูกขับออกจากร่างกายแล้ว ก็อาจตรวจไม่พบ
  • สารบางชนิด เช่น โคเคน และเฮโรอีน ถูกเผาผลาญและขับออกจากร่างกายเร็วกว่ากัญชา

1. อัตราการเผาผลาญของร่างกาย (Metabolism Rate)

ร่างกายของแต่ละคนมีอัตราการเผาผลาญที่ไม่เท่ากัน ซึ่งส่งผลต่อความเร็วในการขับสารเสพติดออกจากร่างกาย

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราการเผาผลาญสารเสพติด

  • อายุ คนอายุน้อยมักมีระบบเผาผลาญเร็ว ทำให้สารเสพติดถูกกำจัดออกเร็วขึ้น
  • สุขภาพตับและไต ตับและไตเป็นอวัยวะที่ช่วยกำจัดสารพิษ หากทำงานได้ดี สารเสพติดก็จะถูกขับออกเร็ว

น้ำหนักตัวและไขมันสะสม สารเสพติดบางชนิด เช่น THC จากกัญชา จะสะสมในไขมัน คนที่มีไขมันมากอาจมีสารตกค้างนานกว่า

2. ปริมาณและความถี่ในการใช้

ผู้ใช้ไม่บ่อย vs. ผู้ใช้ประจำ

  • คนที่ใช้สารเสพติดเป็นครั้งคราว อาจตรวจไม่พบหลังผ่านไปเพียงไม่กี่วัน
  • คนที่ใช้สารเสพติดเป็นประจำ (โดยเฉพาะกัญชา) อาจมีสารตกค้างในร่างกายเป็นเวลาหลายสัปดาห์

ปริมาณที่ใช้มีผลต่อผลการตรวจ

  • หากใช้ในปริมาณน้อย ร่างกายอาจเผาผลาญและขับออกได้เร็วขึ้น ทำให้ตรวจไม่พบ

3. วิธีการตรวจและความแม่นยำของชุดตรวจ

คุณภาพของชุดตรวจสารเสพติด

  • ชุดตรวจสารเสพติดแต่ละยี่ห้อมีความไว (Sensitivity) แตกต่างกัน บางชุดอาจตรวจจับสารในปริมาณต่ำได้ แต่บางชุดอาจตรวจไม่พบหากสารอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป

ประเภทของการตรวจ

1. การตรวจปัสสาวะ (Urine Test) ตรวจพบสารเสพติดที่ถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่หากดื่มน้ำมาก ๆ อาจทำให้ปัสสาวะเจือจางจนตรวจไม่พบ

2. การตรวจน้ำลาย (Saliva Test) ตรวจพบสารได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังใช้ยา หากตรวจช้าเกินไปอาจไม่พบ

3. การตรวจเลือด (Blood Test) แม่นยำสูง แต่สารเสพติดในเลือดจะอยู่ได้ไม่นาน

4. การตรวจเส้นผม (Hair Follicle Test) สามารถตรวจพบสารเสพติดได้นานหลายเดือน แต่ไม่ค่อยใช้ในกรณีทั่วไป

5. การดื่มน้ำมาก หรือใช้วิธีหลบเลี่ยงการตรวจ

บางคนพยายามลดความเข้มข้นของสารเสพติดในปัสสาวะโดยการ:

  • ดื่มน้ำมาก ๆ ก่อนตรวจ
  • ใช้สารขับปัสสาวะ เช่น น้ำมะนาวหรือชาที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดีท็อกซ์เพื่อช่วยขับสารพิษ

แม้ว่าวิธีเหล่านี้อาจช่วยให้สารเสพติดในปัสสาวะลดลงจนตรวจไม่พบ แต่ในบางกรณี ปัสสาวะที่เจือจางเกินไปอาจทำให้ต้องตรวจใหม่ หรือเจ้าหน้าที่อาจสงสัยว่ามีการพยายามปกปิดสารเสพติด

6. ผลลบเท็จ (False Negative) และข้อผิดพลาดทางเทคนิค

บางครั้งผลตรวจอาจผิดพลาดได้ โดยอาจเกิดจาก:

  • การเก็บตัวอย่างไม่ถูกต้อง หรือการปนเปื้อนของตัวอย่าง
  • การใช้สารเคมีบางชนิดที่รบกวนผลตรวจ เช่น ยาบางประเภทที่มีโครงสร้างคล้ายกับสารเสพติด
  • เครื่องมือที่ใช้ตรวจเสื่อมคุณภาพหรือหมดอายุ

ทำไมบางคนตรวจสารเสพติดไม่พบทั้งที่ใช้จริง?

1.ตรวจช้าเกินไป สารเสพติดถูกขับออกจากร่างกายก่อนตรวจ

2.ร่างกายเผาผลาญเร็ว ขึ้นอยู่กับสุขภาพ อายุ น้ำหนัก และการทำงานของตับ

3.ใช้สารในปริมาณน้อยหรือไม่บ่อย ทำให้สารเสพติดอยู่ในร่างกายไม่นาน

4.ชุดตรวจไม่ไวพอ บางชุดอาจไม่สามารถตรวจพบสารในระดับต่ำ

5.ดื่มน้ำมากหรือใช้วิธีลดความเข้มข้นของปัสสาวะ

6.เกิดความผิดพลาดในการตรวจ เช่น ผลลบเท็จจากปัจจัยทางเทคนิค

แม้ว่าการตรวจสารเสพติดจะเป็นวิธีที่ใช้กันแพร่หลาย แต่ก็มีข้อจำกัด และอาจไม่สามารถตรวจพบสารเสพติดได้ทุกกรณี โดยเฉพาะถ้าผู้ใช้รู้วิธีปกปิดหรือร่างกายขับสารออกไปแล้ว

แสดงความคิดเห็น

Get updates and learn from the best

บทความใกล้เคียง

Blog

ทำไมบางคนตรวจสารเสพติดไม่พบ ทั้งที่ใช้ยาเสพติด?

การตรวจหาสารเสพติดเป็นกระบวนการที่ใช้วิเคราะห์ตัวอย่าง เช่น ปัสสาวะ เลือด น้ำลาย เส้นผม หรือเหงื่อ เพื่อระบุว่ามีสารเสพติดตกค้างอยู่หรือไม่

line logo